ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ความรัก
ก็ย่อมอยู่บนพื้่นฐานของความ เป็นห่วงเป็นใย
แต่ที่ตามมากับความเป็นห่วง ก็คือ ความหวง
โดยเฉพาะ ความหึงหวง นับเป็นของคู่กันกับความรักสำหรับหลายๆคน
จะมีระดับมาก น้อย แตกต่างกันไป แล้วแต่ความสัมพันธ์นั้น ๆ
หนึ่งในกรณีของการ เป็นห่วง ที่นำมาสู่การคุกคาม ความเป็นส่วนตัว ในแง่ของการสื่อสารข้อมูลก็คือ
การควบคุมตรวจสอบ การสื่อสารของคู่รักอีกฝ่าย
เราจะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน คู่รักสองคน อาจนั่งกินข้าวกัน แต่ไม่ได้มองหน้าสบตากันเหมือนแต่ก่อน
ต่างคนต่างก็เช็คไลน์ เช็คเฟส แอพแชท เกมส์ คลิป ฯลฯ
เพียงแต่นั่งอยู่ใกล้ๆ นอนอยู่ใกล้ๆ อยู่บ้านเดียวกัน
แต่ต่างคนก็สื่อสารกับอุปกรณ์ตรงหน้าของตัวเอง
บางคนจะว่าเทคโนโลยีทำให้สองคนไม่ได้มีปฎิสัมพันธ์กัน
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่แน่ว่า ที่สองคนไม่มองหน้าแต่จิ้มโทรศัพท์กันอยู่
เค้าก็อาจจะจิ้มพิมพ์ไลน์ส่งรูปหากันอยู่ตรงนั้น ก็เป็นได้
ต้องยอมรับว่า พฤติกรรมเหล่านี้เป็นชีวิตประจำวันไปแล้ว
แต่ที่เป็นการคุกคาม ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็คือ
การ เช็คโทรศัพท์
หรือที่อาจเรียกเล่นๆ ว่า "Snooping"
หลายคู่เมื่อมีการคบหากันแล้ว
จะถูกพรากเอาอิสระทางการสื่อสารไปโดยสิ้นเชิง
จะต้องมีระบบการตรวจสอบ เซ็นเซอร์สื่อและข้อมูล
ทั้งโดยเปิดเผย และ โดยลับ
กรณีในคลิปนี้ น่าสนใจศึกษาอย่างมาก
เป็น prank หรือ การอำกันเล่น
ผู้อำ สร้างสถานการณ์ อัดคลิปตัวเองทำท่าว่าไปนอนกับผู้หญิงอื่น
และแกล้งวางโทรศัพท์ไว้ขณะอยู่กับแฟน ผู้อำ ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
กล้องสองตัวที่ซ่อนไว้ จับพฤติกรรมของแฟนสาว
หลังชายผู้อำไปเข้าห้องน้ำพักหนึ่ง
เธอก็ช่างแสนดี ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาเช็ค
ชายคนอำก็มีการโทรศัพท์เข้าเครื่อง
ทำให้แฟนสาวต้องไปรับโทรศัพท์
และทำให้ เห็นคลิปดังกล่าว
การอำ ยกระดับเป็นความรุนแรง
และการแตกแยกของครอบครัวเลยทีเดียว
เมื่อแฟนสาวเห็นดังนั้นแล้วเชื่อทันที โมโห เก็บของลงกระเป๋าหนีออกไปจากบ้านเลย
ก่อนไป เธอก็ทุบทีวีจอแบนจนหน้าจอแตก
และจากไป
ข้อสังเกต กรณีนี้ จริงๆแล้ว แฟนสาว ถือได้ว่า ไม่ได้เป็นคนเจตนาเช็คโทรศัพท์
หากชายคนอำไม่ได้โทรเข้ามา เธอก็คงไม่ไปดู
ถ้าเป็นกรณีคู่อื่น อาจหยิบไปดูตั้งแต่ยังไม่ทันปิดประตูห้องน้ำ
หรืออาจผ่านการตรวจสอบมาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
แต่กรณีนี้ ก็เป็นการทดลองที่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของคนที่รู้สึกว่าถูกคนรักเล่นไม่ซื่อ
แต่ที่น่าสนใจก็คือ
